บ้านพักคนชราตั้งอยู่ในบริเวณ โบสถ์ คริสต์จักร และอยู่ในความดูแลของ โบสถ์แห่งนี้ เมื่อเข้าไปก็เห็นป้าย เขียนว่า ยินดีต้อนรับ ผู้มีใจอารีย์ ป้ายนี้ทำให้ผมคิดว่าแตกต่างจากป้ายตามวัดต่างๆๆ ที่ ต้อนรับผู้ใจบุญคือทำบุญแล้วได้บุญทำนองนั้น ภายในบริเวณ มีอาคาร เป็นตึกสำหรับคนชราพัก 2 หลัง 2 หลังนี้สำหรับผู้หญิง และอาคารชั้นเดียวอีก 1 หลัง สำหรับผู้ชาย ภายในบริเวณกว้างขวาง ร่มรื่น

ภาพนี้ออกแนวศิลป์นิดหน่อย

กำลังเตรียมอาหาร จัดให้คนชรา
เมื่อเราเดินตามทางเดินจะไปโรงเลี้ยง ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้ชราทยอย ออกจากที่พักไปยังโรงเลี้ยง เมื่อ่ท่านเหล่านั้นเห็นผู้มาเยือนทั้งหลายก็ยิ้มดีใจ จากสภาพของท่านผู้ชราเหล่านี้ นอกจากชราแล้ว ยังมีสภาพร่างกายคลายคนพิการ คือ มือเท้าใช้ได้เป็นบ้าง ต้องนั่งรถเข็นบ้าง หรือไช้ไม้เท้า 4 ขา เราเข้าไปยังโรงเลี้ยงแล้วผู้ชราทุกท่านก็นั่งประจำโต๊ะกันแล้วเป็นบางส่วน กำลังกินข้าวต้มหมู ก็มีบางคนมองชามข้าวเฉยๆๆ แต่เมื่อเห็นพวกเรา เข้าไป ก็ยิ้มและจ้องมองมาที่เรา มีบางคนพูดขึ้นมาว่า เดือนนี้ทั้งเดือนเพิ่งเห็น พวกคุณนี่แหละมา

ภาพเมื่อเดินเข้าไป
เมื่อแจกอาหารก็เดินพูดคุยตามโต๊ะต่างๆๆ สังเกตว่าท่านผู้ชราเหล่านี้ก็ต้องการที่จะใกล้ชิดกับเรา พูดคุยกับเรา อยากอยู่กับเรานานๆๆ เพราะท่านเหล่านี้เหงา ส่วนอาหารก็ไม่ต้องการอะไรมากเพราะพวกท่านก็รับทานกันไม่เยอะ

ก็อย่างภาพนี้คนที่ยกมือไหว้ บอกมีลูกสามคน ตนเองพิการ เดินไม่สะดวก ช่วยตัวเองไม่ได้มากนัก แต่ทุกคนที่นี่ก็ สถาพเดียวกันครับ

ท่านผู้ชราเหล่านี้ รู้สึกจะชอบนมกับซาลาเปาเป็นพิเศษ เพราะรับประทานง่าย ฟันไม่มีนั้นเอง

ทุกคนก็อยากเข้ามาคุยกับเรา ผมก็เดินคุยไปเรื่อยๆๆ มาสดุดกับคุณพี่ใส่เสื้อแดง อายุไม่มากประมาณ 50 ปี ก็ทำให้สงสัยว่าทำไม่มาอยู่ที่นี่ ท่านนั่งรถเข็นอยู่แน่นอนว่าพิการ ทั้งแขนขา

พี่เขาแนะนำตัวทันที "ผมชื่อ บุญล้ำ ช่างปรุง บ้านอยู่ อ.ส่องดาว สกลฯ ผมเป็นอาสาสมัครทหารพราน" เสียงที่พูดไม่ชัด ต้องทวน เพราะลิ้นแข็ง พี่เขาเล่าต่อว่า เมื่อปี 2526 เป็นอาสาสมัครทหารพรานที่ อ.ส่องดาว จ.สกลนคร วันหนึ่ง หลังจากไปลาดตระเวณ ที่ภูซากลาก จ.สกล พร้อมพวก รวม 12 นาย ตอนเช้า ขากลับฐาน ได้เดินทางผ่าน บ้านบ่อแก ได้ถูกผู้ก่อการร้าย(คุ้นๆๆ) ซุ่มโจมตีด้วยอาวุธสงครามนานาชนิด ทำให้ เพื่อนที่ไปด้วย ตาย 4 นาย บาดเจ็บ 8 นาย ตัวพี่เขา โดนยิงที่ศรีษะ กระโหลกเปิด รอดตาย รักษาตัวอยู่เกือบ 2 ปี เมื่อหายจากบาดแผล ก็ปรากฏว่าร่างกายแขนขาใช้การไม่ได้เนื่องจากสมองถูกทำลาย การพูดก็ติดขัด

ภาพเมื่อสมัยเป็นทหารพรานของพี่บุญล้ำ เป็นภาพการฝึกเดินสามขุม ขณะออกลาดตระเวน
หลังจากนั้นมาก็ได้นั่งรถเข็นมาตลอด มาอยู่ที่บ้านพักคนชราอุดรฯ ตั้งแต่ปี 2545 มีเพื่อนที่ตอนนี้เป็นทหารมาเยี่ยมเป็นบางครั้ง
หลังจากพี่เขารับประทานอาหารเสร็จ ผมได้เข็นรถพี่เขาไปยังที่พัก กลับสู่ฐานที่มั่นได้อย่างปลอดภัยแล้วพี่ทหาร ขอบคุณที่ช่วยปกป้องผืนแผ่นดินไทย และที่ตรงนี้ดีที่สุดที่จะดูแลพวกท่าน

ภาพภายในห้องพัก ฟูกหุ้มพลาสติก ไม่มีผ้าปูนอนไม่มีพัดลม ต้องหาเองครับ
คนชราเมื่อรับทานอาหารเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันพักพ่อนตามมุมต่างตามที่ตนชอบ และได้รับการบอกกล่าวจากคนชราบางท่านว่า มีบางคนอยู่บนตึก ลงมาไม่ได้ คราวหน้าเอาของไปฝากหน่อยเด้อ ว่างั้น ครับต้องมีคราวต่อไปครับ วันนี้ก็รอมืด รอพระอาทิตย์ขึ้นอีกในตอนเช้า
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น บ้านพักคนชราแห่งนี้อยู่ในความดูแลของ โบสถ์คริสต์ เซ็นเดอปอล ก็ให้เป็นที่สังเกตว่า ส่วนมากแล้วคริสจักร จะมุ่งไปให้ความช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนตาบอด คนชาวเขา หรือผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง มากกว่าที่จะทุ่มเงินไปในการสร้างถาวรวัตถุ แต่วัดพุทธเราก็มีลักษณะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหมือนกันเช่น วัดพระพุทธบาทน้ำพุ วัดสวนแก้ว ที่เสนอความเห็นเช่นนี้ก็อยากเรียกร้องให้พุทธชนของเราหันมาให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จากปกติที่เราอาจบริจาคเพื่อสร้างถาวรวัตถุ ราคาเป็นร้อยล้านพันล้าน ขอแบ่งสักครึ่ง มาบริจาคเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน แล้ววัดพุทธควรหันมาสนใจเรื่องเหล่านี้ อาจเป็นภาระอันหนัก แต่ว่าถ้ามีโอกาส สถานที่ เงิน ก็ควรทำ เราผู้มีโอกาสดีกว่าเขาเหล่านี้ เวลาเราเจอพวกเขา เราอาจคิดแค่สงสารแล้วผ่านไป หรือในความคิดอีกซึก อยากช่วยเหลือไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร เพราะไม่มีหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบจริงจัง ต่อไปนี้ครับ เราอาจไม่ต้องรอถึงวันเกิด หรือวันปีใหม่ เราก็ตัดสินใจ เสียสละ ไปช่วยพวกเขา ขอเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เราตั้งใจจะบริจาคทำบุญที่อื่น ก็ไปทำบุญช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้
0 comments:
แสดงความคิดเห็น