ตามต่างจังหวัดในภาคอีสาน ชาวบ้านมักใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียง คือ พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ จะดำรงชีวิต ก็ด้วยสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นเอง ปลูกผักเลี้ยงไก่ เป็ด เอง หาผัก ก่อนเข้าบ้าน หลังว่างงานก็หาปลาตามแหล่งน้ำใกล้ หรือหาหนู ยิงนก ยิงกะปอม เพื่อประกอบอาหาร ด้วยเพราะเป็นคนอยู่ง่าย รักสงบ คนอีสานจะไม่ แสวงหาอะไรมาก กว่าที่ตนมีอยู่ คนภาคอื่นอาจไม่เชื่อว่า คนอีสานนอกจากมีนาแล้วแต่ละบ้านยังมีสวนของตัวเองสำหรับปลูกไม้ผล ผักต่างๆๆ เมื่อกาลต่อมา ถนนอย่างดี ไฟฟ้าทั่งถึง คลื่นโทรศัพท์ คลื่นทีวี ทำให้ข่าวสาร การเดินทาง สะดวกขึ้น ลูกต้องเรียน เมื่อเรียนแล้วต้องไปทำงานในต่างถิ่น ส่งเงินกลับมาให้ทางบ้านใช้ วิถีเริ่มเปลี่ยน จากการทำนาเพื่อขายบ้างนิดหน่อยนอกนั้นก็เก็บไว้กิน กลายเป็นขายส่วนมาก เก็บไว้นิดหน่อย เพราะความจำเป็นด้านรายจ่าย จะไปหาปลาเหมือนเดิม เริ่มไม่ได้เหมือนเก่า ปลาไม่มี มีก็ตัวเล็กลง หอยตามไร่นา หายไปหมดร่วมทั้งปูก็ตายเกลี้ยง นั้นเพราะสารเคมี นอกจากจะทำนาแล้วสิ้นฤดูทำนา ก็จะปลูก พืชชนิดอื่น เพื่อหารายได้เสริม มีหน่วยงานส่งเสริมให้หารายได้ให้มากๆๆ คือ ธ.ก.ส.(แซวน่า) มีคนกล่าวไว้ว่า คนปลูกแตงโม ไม่กล้ากินแตงโม (เพราะใส่ยาเยอะ)เหมือนชาวเขาไม่กล้ากินกะหล่ำปี เมื่อการหากินฝืดเคือง แต่ก็พอมีตังค์อยู่บ้าง แทนที่จะไปซื้อของกินของใช้ในเมืองระยะทางตั้งหลายสิบกิโล วันนี้ ตลาดนัดหมู่บ้านเริ่มเล็งเห็นความจำเป็นดังกล่าว ก็เข้ามาบริการถึงที่ เอาของมาขายถึงในหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านที่พอเก็บของพื้นบ้านมาขาย เช่น พริก มะเขือ ก็ขายได้ครับ คนใช้บริการตลาดนัดหมู่บ้านนี่เยอะมาก เพราะเดินทางมาจากหมู่บ้านข้างเคียงก็มี

กบจะไม่มีขายสดๆๆ ส่วนมากจะย่าง และเป็นกบเลี้ยง

โดนัท คนมีอายุหน่อยจะไม่กิน ส่วนมากซื้อให้หลาน (แม่ไปทำงานต่างถิ่น)

ถูกใจทุกวัยราคาถูก กิฟซ๊อป ก็มีครับ หรือรองเท้าแฟชั่นร้านข้างๆๆก็มา

ของพื้นบ้านที่ชาวบ้านคุ้นเคยก็ขายได้

การแข่งขันกับสินค้าประเภทนี้สูงมากเพราะมีหลายร้านแต่ลูกค้ากำลังซื้อสูง

ลูกค้ารออยู่แล้ว
เดินตลาดตามหมู่บ้านก็เพลินดี มีของแปลก เช่น ผักที่ไม่เคยเห็น เห็ด